4.14
ห้องเรียนไร้โต๊ะ
ทัศนศึกษาหรือการศึกษานอกสถานที่
เป็นกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ที่ครูจัดให้กับเด็กเพื่อเพิ่มพูนความรู้และด้วยประสบการณ์ตรงจากแหล่งการเรียนรู้ซึ่งเป็นสถานที่จริง
ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า จากการสังเกต การสำรวจ การทดลอง การปฏิบัติจริง
และเชื่อมโยงกับการเรียนรู้ในห้องเรียน โดยบูรณาการทักษะหลายด้านเข้าด้วยกัน
พร้อมกับการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
ทัศนศึกษาสำคัญอย่างไร?
การจัดประสบการณ์หรือกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย
อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาให้กับเด็กปฐมวัย
ควรเป็นกิจกรรมที่เด็กได้รับประสบการณ์ตรง จากการได้ปฏิบัติจริงด้วยตนเอง
ผ่านการเรียนรู้จากการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการเรียนรู้ การได้สังเกต สำรวจ
ทดลอง ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่มีความหมาย และค้นพบความรู้ด้วยตนเอง
ซึ่งมีความสำคัญ ดังนี้ การพาเด็กไปศึกษานอกสถานที่เป็นกิจกรรมการเรียนรู้
เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ตอบสนองต่อธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากการเรียนรู้ด้วยวิธีการนี้ทำให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
และเป็นการเรียนที่มีความ หมายและมีคุณค่าต่อเด็ก
ซึ่งหากสังเกตพฤติกรรมของเด็กอนุบาลจากการพาเด็กออกไปนอกสถานที่
ไม่ว่าจะเป็นการที่มุ่ง เน้นด้านวิชาการ หรือเพื่อนันทนาการ จะพบว่าเด็กมีความสนใจ
กระตือรือร้นและอยากเข้าร่วมกิจกรรม และสามารถจดจำสิ่งที่พบเห็นได้ดี
เพราะการพาเด็กไปศึกษานอกสถานที่เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อธรรมชาติการเรียนรู้
และสร้างความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ให้กับเด็ก ดังที่ Jean-Jacques
Rousseau, Jean Piaget และ John Dewey ต่างมีแนว คิดที่สอดคล้องกันว่า เด็กจะเรียนรู้ได้ดีจากการลงมือปฏิบัติ
ทดลอง สำรวจ ค้นคว้า
และพบความรู้ด้วยตนเองจากประสบการณ์ที่เขาได้ปฏิบัติโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า
ดังนั้น
การจัดประสบการณ์หรือกิจกรรมให้กับเด็กปฐมวัยจึงต้องคำนึงถึงธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็กเป็นสำคัญ
ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
(ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545) หมวด 4 แนวการจัดการศึกษา ระบุว่า “แนวทางการจัดการศึกษา ยึดหลักว่า
ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้
และถือว่าผู้เรียนทุกคนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องเสริมสร้างให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
โดยเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้
และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษา
การจัดกระบวนการเรียนรู้ต้องยึดหลักความสอดคล้อง ความสนใจ
ความถนัดและความแตกต่างระหว่างบุคคล จัดกิจกรรมที่ฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ
การเผชิญสถานการณ์ และให้รู้จักการประยุกต์ใช้ความรู้
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์จริง ฝึกปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น
รักการอ่านและใฝ่รู้ ผสมผสานความรู้อย่างสมดุล ปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยม
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้วยการจัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อม สื่อ
และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และต่อการเรียนรู้ รอบรู้
ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลา ทุกสถานที่
จากการประสานความร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาตามศักยภาพ”
ทัศนศึกษาหรือการศึกษานอกสถานที่
เป็นกิจกรรมย่อยอีกหนึ่งกิจกรรมที่จัดอยู่ในกิจกรรมเสริมประสบการณ์ที่ครูจัดให้กับเด็ก
โดยพาเด็กไปรับประสบการณ์ตรงจากการได้สังเกตด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า (Five
Senses) มีกิจกรรมที่เด็กได้สำรวจ
บันทึกและสะท้อนการเรียนรู้เป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม
ซึ่งเป็นการเรียนรู้ในประเด็นหรือหัวเรื่องการเรียนรู้ที่ครูไม่สามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาให้เด็กเรียนภายในห้องเรียนได้
เช่น การเรียนรู้กระบวนการผลิตรองเท้า การผลิตน้ำ การทำงานของโรงงานผลิตเครื่องดื่มต่างๆ
การทำงานของที่ทำการไปรษณีย์ การศึกษาธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติ
การศึกษาการดำรงชีวิตของสัตว์ ซึ่งการเรียนรู้แบบอื่นๆ ทั้งการบรรยาย
การเล่าเรื่อง การให้เด็กดูภาพ
ซึ่งเป็นวิธีการเรียนรู้ที่ไม่สามารถทำให้เด็กเข้าใจและเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมายได้
ดังนั้นการพาเด็กไปศึกษานอกสถานที่จึงถือเป็นการเรียนรู้ที่ดีที่สุด
การไปทัศนศึกษาเป็นกิจกรรมที่เด็กได้ไปพักผ่อนหย่อนใจพร้อมกับการเรียนรู้ในสถานที่ทางธรรมชาติ
เช่น ชายทะเล สวนสาธารณะ และยังเป็นการสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นไทย
ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักในความสำคัญของความเป็นชาติ เอกลักษณ์ของชาติ
การเข้าใจหน้าที่ของตนในการพัฒนาชาติ เช่น การพาเด็กไปศึกษาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
โบราณสถานต่างๆ เป็นต้น
เด็กจะได้รับประโยชน์อะไรจากการไปทัศนศึกษา?
ทัศนศึกษาหรือการศึกษานอกสถานที่เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อเด็ก
ดังนี้ ตอบสนองต่อความสนใจ ความต้องการของเด็ก
เนื่องจากการไปศึกษานอกสถานที่ทำให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง
ได้เปลี่ยนสถานที่การเรียนรู้ จากการเรียนรู้เฉพาะในห้องเรียน
การไปศึกษานอกสถานที่ทำให้เด็กรู้สึกตื่นเต้น ช่วยกระตุ้นการรับรู้และการเรียนรู้ของเด็ก
โดยธรรมชาติเด็กใน
ช่วงปฐมวัยต้องการเรียนรู้จากการได้ใช้ประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหวของร่างกาย
ซึ่งเพียเจท์ (Piaget) ได้กล่าวว่า เด็กในช่วง 2-7 ปี
เป็นช่วงวัยที่เด็กต้องการการเรียนรู้จากการได้รับประสบการณ์ใหม่ๆหรือการซึมซับ (Assimilation) จากประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เด็กได้รับจากการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า
ซึ่งประสบการณ์ที่เด็กได้รับจะนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างทางสติปัญญาในขั้นการปรับขยายโครงสร้าง
(Accommodation) ที่เด็กจะต้องสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่างๆอย่างมีเหตุผลจากการเรียนรู้สิ่งต่างๆที่เป็นรูปธรรม
ทั้งนี้การปรับความรู้เดิมให้เข้ากับประสบการณ์ใหม่ทำให้เกิดความสมดุลของสมองหรือสติปัญญา
เช่น เด็กเคยมีประสบการณ์การทำให้น้ำสะอาดด้วยผ้ากรอง
การกรองตามวิธีการธรรมชาติด้วยหิน ทราย ถ่าน หรือเครื่องกรองน้ำขนาดเล็ก
แต่จากการที่เด็กได้ไปศึกษาโรงงานการผลิตน้ำดื่มก็จะทำให้เด็กมีประสบการณ์ใหม่ๆเกี่ยวกับวิธีการกรองน้ำที่ต้องใช้เครื่องจักรต่างๆที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
ทำให้เด็กได้ปรับเปลี่ยนความรู้เดิมและความรู้ใหม่จนเกิดเป็นความรู้ความเข้าใจหรือเป็นโครงสร้างทางสติปัญญาที่เกิดความสมดุลทางสมอง
หรือเรียกว่า equilibrium การไปศึกษานอกสถานที่ช่วยให้เด็กได้พัฒนาทั้งคุณลักษณะอื่นๆ
เช่น ประสบการณ์ทางสังคม เด็กจะได้รู้จักการเข้าสังคมและพบเพื่อนมากขึ้น
ได้เรียนรู้วิธีการอยู่ร่วมกัน ช่วยให้รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย
ไม่ว่าจะเป็นส่วนตัวหรือหมู่คณะ ได้รับความงอกงามทางสติปัญญาจากการได้ศึกษาจากแหล่งเรียนรู้
และแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย มีกิจกรรมได้เลือกทำมากมาย
ทำให้เด็กและเยาวชนได้เลือกเรียนรู้ตามความต้องการ ความถนัดและความสนใจ
ทำให้เกิดการเรียนรู้และได้รับประสบการณ์ต่างๆที่มีคุณค่า
ครูจัดกิจกรรมทัศนศึกษาให้ลูกอย่างไร?
การพาเด็กออกไปศึกษานอกสถานที่
ครูจะเตรียมการและวางแผนไว้ล่วงหน้า
เพื่อพาเด็กไปศึกษาในแหล่งเรียนรู้ที่มีความสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ตามหน่วยการจัดประสบการณ์
เช่น การเรียนรู้หน่วยน้ำ เด็กอาจต้องการรู้วิธีการทำให้น้ำสะอาด
จึงวางแผนร่วมกันระหว่างเด็กและครูว่าจะไปศึกษาการผลิตน้ำดื่มจากโรงงานผลิตน้ำในชุมชน
ครูจำเป็นต้องวาง
แผนล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องการขออนุญาตผู้ปกครองในการนำเด็กไปศึกษาแหล่งเรียนรู้ภายนอกโรงเรียน
เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ขณะไปศึกษานอกสถานที่
วางแผนการจัดกิจกรรมให้กับเด็กในระหว่างการไปศึกษานอกสถานที่ ดังนี้ เขียนจดหมาย
และส่งแบบฟอร์มตอบรับขออนุญาตผู้ปกครองพาเด็กไปศึกษานอกสถานที่
ประสานงานและสำรวจสถานที่จริงก่อน เพื่อความสะดวกในการเตรียมตัวเด็ก
และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสถานที่นั้นเหมาะสมกับวัยของเด็ก
มีกิจกรรมที่เด็กสนใจ ครูจะพูดคุยกับเด็กก่อนการไปทัศนศึกษา
เกี่ยวกับสิ่งที่เด็กจะไปเยี่ยมชมหรือครูอาจให้เด็กวางแผนร่วมกันเกี่ยว
กับสิ่งที่ต้องการทราบจากการไปเยี่ยมชม
เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกการเรียนรู้ เช่น สมุดบันทึกการเดินทาง ดินสอ
สีเทียน เพื่อให้เด็กได้บันทึก วาดรูป หรือเขียนจากประสบการณ์ที่ได้รับ
ครูและเด็กจะร่วมกันกำหนดกฎเกณฑ์ ข้อตกลงก่อนไปศึกษานอกสถานที่
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเด็ก เช่น ความมีวินัยต่างๆ เป็นต้น
ระหว่างการไปศึกษานอกสถานที่ ครูจะใช้คำถามกระตุ้นให้เด็กคิด และสังเกต
โดยครูจะบันทึกพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กตลอดช่วงการไปทัศนศึกษาด้วย
พ่อแม่จะพาลูกไปทัศนศึกษาได้อย่างไร?
การพาเด็กไปทัศนศึกษาหรือศึกษานอกสถานที่นั้น
นอกจากครูจะจัดกิจกรรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเรียนการสอนในระดับปฐมวัยแล้ว
พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถจัดกิจกรรมนี้ให้กับลูกได้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เช่น
ไปพาลูกไปเที่ยวสวนสัตว์ เที่ยวทะเล เที่ยวน้ำตก เป็นต้น
พ่อแม่สามารถสร้างเสริมประสบการณ์และการเรียนรู้ให้เกิดกับเด็กจากการไปในสถานที่ต่างๆ
ที่นอกจากจะทำให้เด็กได้ผ่อนคลายและมีความสนุกสนานจากการท่องเที่ยวแล้วเด็กยังได้เรียนรู้อีกทางหนึ่งด้วย
โดยมีขั้นตอน ดังนี้ เตรียมการ วางแผนการเรียนรู้ร่วมกันกับลูก
โดยช่วยกันหาข้อมูลแหล่งเรียนรู้ กำหนดเวลาที่จะไป
ให้ลูกมีส่วนเลือกสถานที่ตามความสนใจ และพิจารณาความเหมาะสมของการเดินทาง ระยะทาง
ตลอดจนค่าใช้จ่าย สร้างข้อตกลง พ่อแม่ควรตกลงกับลูกก่อนไป เพื่อเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้กับลูก
ให้ลูกเตรียมวัสดุอุปกรณ์การบันทึก เช่น สมุดบันทึก ดินสอ สีเทียน
เพื่อให้เด็กได้วาดหรือเขียนบันทึกสิ่งที่เขาสนใจ
กิจกรรมการเรียนรู้จากการไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆนี้
พ่อแม่สามารถเป็นผู้กระตุ้นการเรียนรู้ให้กับลูกด้วยการเสริมแรง เช่น
กล่าวคำชมเชยเมื่อเด็กสามารถวาดรูป เขียนบันทึกหรือเขียนชื่อสิ่งที่พบได้
จะทำให้เด็กมีกำลังใจและอยากเรียนรู้สิ่งต่างๆจากการไปทัศนศึกษามากยิ่งขึ้น
สรุปผลการเรียนรู้ หลังจากพาลูกไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้ว
พ่อแม่ควรให้เด็กได้สะท้อนผลการเรียนรู้เมื่อกลับมาถึงบ้าน เช่น
ให้ลูกเล่าประสบการณ์จากการเที่ยวสวนสัตว์
ให้ลูกบอกชื่อสัตว์ต่างๆที่ได้ไปเยี่ยมชม ให้ลูกบอกจำนวนสัตว์แต่ละชนิด
สัตว์ชนิดใดมี 2 เท้า สัตว์ชนิดใดมี 4 เท้า
กิจกรรมต่างๆเหล่านี้พ่อแม่สามารถส่งเสริมให้กับลูกเพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้านให้กับลูก
และเป็นการต่อยอดการเรียนรู้จากการเรียนรู้จากโรงเรียนได้อีกทางหนึ่งด้วย
เกร็ดความรู้เพื่อครู
การเรียนรู้โดยวิธีการพาเด็กไปศึกษานอกสถานที่เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าต่อเด็ก
ทำให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง และสามารถตอบสนองความต้องการและความสนใจของเด็กได้
แต่การเรียนรู้ด้วยวิธีการนี้อาจมีข้อจำกัดในเรื่องการดูแลความปลอดภัย เช่น
อันตรายที่อาจเกิดกับเด็กขณะเดินทาง ขณะเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ
อันตรายจากเครื่องจักรการทำงานของโรงงานอุตสาหกรรม
ลำพังครูหรือพี่เลี้ยงเด็กอาจจะดูแลความปลอดภัยให้กับเด็กได้ไม่ทั่วถึง การให้ผู้ปกครองเข้าร่วมไปศึกษานอกสถานที่
เป็นวิธีการที่ช่วยป้องกันปัญหาความปลอดภัยให้กับเด็กได้
อ้างอิง http://taamkru.com/th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น