6.8
ประเภทของสื่อการสอน
การจำแนกสื่อการสอนตามคุณสมบัติ ชัยยงค์ พรมวงศ์ (2523 : 112) ได้กล่าวไว้ว่า สื่อการสอนแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. วัสดุ (Materials) เป็นสื่อเล็กหรือสื่อเบา บางทีเรียกว่าSoft Ware สื่อประเภทนี้ผุพังได้ง่าย เช่น - แผนภูมิ (Charts)
- แผนภาพ (Diagrams)
- ภาพถ่าย (Poster)
- โปสเตอร์ (Drawing)
- ภาพเขียน (Drawing)
- ภาพโปร่งใส (Transparencies)
- ฟิล์มสตริป (Filmstrip)
- แถบเทปบันทึกภาพ (Video Tapes)
- เทปเสียง (Tapes) ฯลฯ 2. อุปกรณ์ (Equipment) เป็นสื่อใหญ่หรือหนัก บางทีเรียกว่า สื่อ Hardware สื่อประเภทนี้ได้แก่ - เครื่องฉายข้ามศีรษะ (Overhead Projectors)
- เครื่องฉายสไลค์ (Slide Projectors)
- เครื่องฉายภาพยนตร์ (Motion Picture Projectors)
- เครื่องเทปบันทึกเสียง (Tape Receivers)
- เครื่องรับวิทยุ (Radio Receivers)
- เครื่องรับโทรทัศน์ (Television Receivers)
3. วิธีการ เทคนิค หรือกิจกรรม (Method Technique or Activities) ได้แก่ - บทบาทสมมุติ (Role Playing)
- สถานการณ์จำลอง (Simulation)
- การสาธิต (Demonstration)
- การศึกษานอกสถานที่ (Field Trips)
- การจัดนิทรรศการ (Exhibition)
- กระบะทราย (Sand Trays)
การจำแนกสื่อการสอนตามแบบ (Form)
ชอร์ส (Shorse. 1960 : 11) ได้จำแนกสื่อการสอนตามแบบเป็นหมวดหมู่ดังนี้ 1. สิ่งพิมพ์ (Printed Materials)
- หนังสือแบบเรียน (Text Books)
- หนังสืออุเทศก์ (Reference Books)
- หนังสืออ่านประกอบ (Reading Books)
- นิตยสารหรือวารสาร (Serials)
2. วัสดุกราฟิก (Graphic Materials)
- แผนภูมิ (Chats)
- แผนสถิติ (Graph)
- แผนภาพ (Diagrams)
- โปสเตอร์ (Poster)
- การ์ตูน (Cartoons)
3. วัสดุและเครื่องฉาย (Projector materials and Equipment)
- เครื่องฉายภาพนิ่ง (Still Picture Projector)
- เครื่องฉายภาพเคลื่อนไหว (Motion Picture Projector)
- เครื่องฉายข้ามศีรษะ (Overhead Projector)
- ฟิล์มสไลด์ (Slides)
- ฟิล์มภาพยนตร์ (Films)
- แผ่นโปร่งใส (Transparancies)
4. วัสดุถ่ายทอดเสียง (Transmission)
- เครื่องเล่นแผ่นเสียง (Disc Recording)
- เครื่องบันทึกเสียง (Tape Recorder)
- เครื่องรับวิทยุ (Radio Receiver)
- เครื่องรับโทรทัศน์ (Television Receiver)
การจำแนกสื่อการสอนตามประสบการณ์ เอดการ์ เดล (Edgar Dale. 1969 : 107) เชื่อว่าประสบการณ์ตรงที่เป็นรูปธรรมจะทำให้เกิดการเรียนรู้แตกต่างกับประสบการณ์ที่เป็นนามธรรม ดังนั้นจึงจำแนกสื่อการสอนโดยยึดประสบการณ์เป็นหลักเรียงตามลำดับจากประสบการณ์ที่ง่ายไปยาก 10 ขั้น เรียกว่า กรวยประสบการณ์ (Cone of Experience)
ขั้นที่ 1 ประสบการณ์ตรง (Direct Experiences) มีความหมายเป็นรูปธรรมมากที่สุดทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง เช่น เล่นกีฬา ทำอาหาร ปลูกพืชผัก หรือเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ขั้นที่ 2 ประสบการณ์รอง (Verbal Symbols) เป็นกรณีที่ประสบการณ์หรือของจริงมีข้อจำกัด จำเป็นต้องจำลองสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมาศึกษาแทน เช่น หุ่นจำลอง ของตัวอย่าง การแสดงเหตุการณ์จำลองทางดาราศาสตร์ ขั้นที่ 3 ประสบการณ์นาฏการ (Dramaticed Experiences)เป็นประสบการณ์ที่จัดขึ้นแทนประสบการณ์ตรงหรือเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในอดีตหรืออาจเป็นความคิด ความฝัน สามารถเรียนด้วยประสบการณ์ตรงหรือประสบการณ์จำลองได้เช่น การแสดงละคร บทบาทสมมุติ เป็นต้น ขั้นที่ 4 การสาธิต (Demonstration) เป็นการอธิบายข้อเท็จจริงลำดับความคิดหรือกระบวนการเหมาะสมกับเนื้อหาที่ต้องการความเข้าใจ ความชำนาญหรือทักษะ เช่น การสาธิตการผายปอดการสาธิตการเล่นของครูพละ เป็นต้น ขั้นที่ 5 การศึกษานอกสถานที่ (Field Trips) เป็นการพาผู้เรียนไปศึกษาหาความรู้นอกห้องเรียน โดยมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน ประสบการณ์นี้มีความเป็นนามธรรมมากกว่าการสาธิต เพราะผู้เรียนแทบไม่ได้มีส่วนในกิจกรรมที่ได้พบเห็นนั้นเลย ขั้นที่ 6 นิทรรศการ (Exhibits) เป็นการจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้รับด้วยการดูเป็นส่วนใหญ่ อาจจัดแสดงสิ่งต่าง ๆเช่น ของจริง หุ่นจำลอง วัสดุสาธิต แผนภูมิ ภาพยนตร์ เป็นต้น ขั้นที่ 7 โทรทัศน์และภาพยนตร์ (Television and Motion Picture) เป็นประสบการณ์ที่เป็นนามธรรมมากกว่าการจัดนิทรรศการ เพราะผู้เรียนเรียนรู้ได้ด้วยการดูภาพและฟังเสียงเท่านั้น ขั้นที่ 8 ภาพนิ่ง วิทยุและการบันทึกเสียง (Still Picture) เป็นประสบการณ์ที่รับรู้ได้ทางใดทางหนึ่งระหว่างการฟังและการพูด ซึ่งนับเป็นนามธรรมมากขึ้น ขั้นที่ 9 ทัศนสัญลักษณ์ (Visual Symbols) เป็นประสบการร์ที่เป็นนามธรรมมากที่สุด บรรยาย การปราศรัยคำโฆษณา ฯลฯ ดังนั้นผู้เรียนควรมีพื้นฐานเช่นเดียวกับทัศนสัญลักษณ์นั้น ๆ จะทำให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างดี ขั้นที่ 10 วัจนสัญลักษณ์ (Verbal Symbols) ได้แก่ คำพูด คำอธิบาย หนังสือ เอกสาร แผ่นปลิว แผ่นพับที่ใช้ตัวอักษร ตัวเลข แทนความหมายของสิ่งต่าง ๆ นับเป็นประสบการณ์ที่เป็นนามธรรมมากที่สุดข้อดีและข้อจำกัดของสื่อการสอน 1. สื่อที่ไม่ต้องใช้เครื่องประกอบ 1.1 หนังสือพิมพ์ สมุดคู่มือ เอกสารหรือสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ข้อดี 1. วิธีเรียนที่ดีที่สุดสำหรับบางคน ได้แก่ การอ่าน 2. สามารถอ่านได้ตามสมรรถภาพของแต่ละบุคคล 3. เหมาะสมสำหรับการอ้างอิงหรือทบทวน 4. เหมาะสำหรับการผลิตเพื่อแจกเป็นจำนวนมาก ข้อจำกัด 1. ต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง 2. บางครั้งข้อมูลล้าสมัยง่าย 3. สิ่งพิมพ์ที่จำเป็นต้องอาศัยการผลิตต้นแบบหรือการผลิตที่มีคุณภาพ ซึ่งหาได้ยาก 1.2 ตัวอย่างของจริง ข้อดี 1. แสดงสภาพตามความเป็นจริง 2. อยู่ในลักษณะสามมิติ 3. สัมผัสได้ด้วยสัมผัสทั้ง 4 ข้อจำกัด 1. การจัดหาอาจลำบาก 2. บางครั้งขนาดใหญ่เกินกว่าจะนำมาแสดงได้ 3. บางครั้งราคาสูงเกินไป 4. ปกติเหมาะสำหรับการแสดงต่อกลุ่มย่อย 5. บางครั้งเสียหายง่าย 6. เก็บรักษาลำบาก 1.3 หุ่นจำลอง / เท่า / ขยาย / ของจริง ข้อดี 1. อยู่ในลักษณะสามมิติ 2. สามารถจับต้องและพิจารณารายละเอียด 3. เหมาะสำหรับการแสดงที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า (เช่น ส่วนกลางหู) 4. สามารถใช้แสดงหน้าที่ 5. ช่วยในการเรียนรู้และการปฏิบัติทักษะชนิดต่าง ๆ 6. หุ่นบางอย่างสบายสามารถผลิตได้ด้วยวัสดุในท้องถิ่นที่หาง่าย ข้อจำกัด 1. ต้องอาศัยความชำนาญในการผลิต 2. ส่วนมากราคาแพง 3. ปกติเหมาะสำหรับการแสดงต่อกลุ่มย่อย 4. ชำรุดเสียหายง่าย 5. ไม่เหมือนของจริงทุกประการบางครั้งทำให้เกิดความเข้าใจผิด 1.4 กราฟิก / แผนภูมิ / แผนภาพ / แผนผัง / ตาราง ข้อดี 1. ช่วยในการชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหา 2. ช่วยแสดงลำดับขั้นตอนของเนื้อหา 3. ภาพถ่ายมีลักษณะใกล้ความเป็นจริง ซึ่งดีกว่าภาพเขียน ข้อจำกัด 1. เหมาะสำหรับกลุ่มเล็ก ๆ 2. เพื่อให้งานกราฟิกได้ผลจำเป็นต้องใช้ช่างเทคนิคที่ค่อนข้างมีความชำนาญในการผลิต 3. การใช้ภาพบางประเภท เช่น ภาพตัดส่วน (Sectional drawings) หรือการ์ตูน อาจไม่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความเข้าใจดีขึ้นแต่กลับทำให้งง เพราะไม่สามารถสัมผัสของจริงได้ 1.5 กระดานชอล์ค ข้อดี 1. ต้นทุนราคาต่ำ 2. สามารถใช้เขียนงานกราฟิกได้หลายชนิด 3. ช่วยในการสร้างความเข้าใจตามลำดับเรื่องราวเนื้อหาสามารถนำไปใช้ได้อีก ข้อจำกัด 1. ผู้เขียนต้องหันหลังให้กลุ่มเป้าหมาย 2. กลุ่มเป้าหมายจำนวนเพียง 50 คน 3. ภาพหัวข้อหรือประเด็นคำบรรยายต้องถูกลบ ไม่สามารถนำไปใช้ได้อีก 4. ผู้เขียนต้องมีความสามารถในการเขียนกระดานพอสมควรทั้งในการเขียนตัวหนังสือ 1.6 แผ่นป้ายสำลี / แผ่นป้ายแม่เหล็ก ข้อดี 1. สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก 2. วัสดุในการผลิตหาได้ง่าย 3. เหมาะสำหรับแสดงความเกี่ยวพันของลำดับเนื้อหา เป็นขั้นตอน 4. ช่วยดึงดูดความสนใจ 5. สามารถให้กลุ่มเป้าหมายร่วมใช้เพื่อสร้างความสนใจและทดสอบความเข้าใจ ข้อจำกัด - เหมาะสำหรับกลุ่มย่อย 2. สิ่งที่ต้องใช้เครื่องฉายประกอบ (Projectable Media)
2.1 ชนิดที่ไม่มีการเคลื่อนไหว หรือภาพนิ่ง (Still Picture)
2.1.1 เครื่องฉายทึบแสง (Opaque Projector)
ข้อดี 1. สามารถขยายภาพถ่ายหรือภาพเขียนให้มีขนาดใหญ่ ซึ่งแม้กลุ่มจะใหญ่ก็เห็นชัดเจนทั่วถึงกัน 2. ช่วยลดภาวะการผลิตสไลด์และแผ่นภาพโปร่งแสง (Overhead Transparencies)
3. สามารถขยายภาพบนแผ่นกระดาษ เพื่อจะได้วาดภาพขยายได้ถูกต้อง 4. ช่วยในการขยายวัตถุที่มีขนาดเล็กให้กลุ่มใหญ่ ๆ เห็นได้ทั่วถึง ข้อจำกัด 1. เมื่อจะใช้เครื่องจะต้องมีห้องที่มืดสนิทจึงจะเห็นภาพขยาย 2. เครื่องมีขนาดใหญ่มาก ขนย้ายลำบาก 3. ต้องใช้ไฟฟ้า 2.1.2 ไมโครฟิล์ม ข้อดี 1. สะดวกต่อการเก็บรักษาและสามารถจัดประเภทได้ง่าย หากมีไมโครฟิล์มจำนวนมาก ๆ 2. เหมาะสำหรับใช้ในการแลกเปลี่ยนความรู้ เพราะมีขนาดเล็ก 3. ต้นทุนการผลิตค่อนข้างต่ำแต่ต้องมีเครื่องฉายที่ดี 4. ขนาดเล็ก และน้ำหนักเบาหยิบใช้ง่าย ข้อจำกัด 1. ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า 2. เครื่องขยายที่ใช้คนดูคนเดียวมีราคาถูก แต่เครื่องฉายสำหรับกลุ่มใหญ่มีราคาแพง 3. เครื่องขยายต้องใช้ไฟฟ้า (ยกเว้นเครื่องส่งขนาดเล็ก) 2.2 ชนิดที่มีการเคลื่อนไหว (Moving Picture)
2.2.1 ฟิล์ม / ภาพยนตร์ (ทั้ง 16 มม. และ 8 มม.) ข้อดี 1. ให้ภาพที่มีการเคลื่อนไหวและให้เสียงประกอบ ซึ่งทั้งสองอย่างมีลักษณะใกล้ความจริงมากที่สุด 2. เหมาะสำหรับกลุ่มทุกขนาด คือ สามารถใช้ได้ทั้งกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ 3. ใช้เนื้อที่และเวลาน้อยในการเสนอ 4. เหมาะสำหรับใช้จูงใจสร้างทัศนคติและแนะปัญหาหรือแสดงทักษะ 5. ฟิล์ม 8 มม. เหมาะสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเอง 6. เหมาะสำหรับให้ความรู้ แต่ผู้ใช้จะต้องอธิบายข้อความบางอย่างเกี่ยวกับภาพยนตร์โดยละเอียดก่อนทำการฉายหรือเมื่อฉายจบแล้วควรจะให้มีการซักถามปัญหา หรืออภิปรายกลุ่มสรุปเรื่องราวอีกด้วย ข้อจำกัด 1. ไม่สามารถหยุดภาพยนตร์เมื่อมีใครมีข้อสงสัย 2. ต้นทุนในการผลิตสูงมากและกรรมวิธีการผลิตยุ่งยาก 3. การผลิตฟิล์มจำนวนน้อย ๆ (ก๊อปปี้) ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นกว่าเดิมมาก 4. ต้องใช้ไฟฟ้าในการฉาย 5. ลำบากต่อการโยกย้ายอุปกรณ์สำหรับฉาย 6. จำเป็นต้องฉายที่มืดจึงจะมองเห็น (นอกจากจะใช้จอฉายกลางวัน) 7. บางครั้งถ้าใช้ภาพยนตร์ต่างประเทศอาจจะไม่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้จริง ๆ 2.2.2 โทรทัศน์วงจรเปิด (Open Circuit Television)
ข้อดี 1. สามารถใช้กับทั้งกลุ่มใหญ่ กลุ่มย่อย และถ่ายทอดได้ในระยะไกล ๆ 2. ช่วยในการดึงดูดความสนใจ 3. เหมาะสำหรับใช้ในการจูงใจ สร้างทัศนคติและเสนอปัญหา (ให้ผู้ชมคิดหรือเสริมสร้างการอภิปรายร่วม) 4. ช่วยลดภาวะของผู้ใช้ คือ แทนที่จะบรรยายหลายแห่งต่อคน ที่ต่าง ๆ เห็นได้ในเวลาเดียวกัน ข้อจำกัด 1. ต้นทุนการจัดรายการสูงและต้องใช้ช่างผู้ชำนาญในการทำรายการ 2. เครื่องรับโทรทัศน์มีราคาสูงและบำรุงรักษายาก 3. ต้องใช้ไฟฟ้า 4. ผู้ชมต้องปรับตัวเข้ารายการผู้ใช้หรือผู้บรรยายไม่สามารถปรับตัวเข้ากับผู้ชมได้ 2.2.3 โทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television)
ข้อดี 1. สามารถใช้ได้ในกลุ่มย่อยและกลุ่มคนที่มีไม่มากจนเกินไป 2. สามารถฉายซ้ำเมื่อผู้ชมเกิดความไม่เข้าใจ 3. แสดงการเคลื่อนไหว 4. สามารถใช้ได้ในกรณีที่มีบริเวณหรือเวลาจำกัด 5. เหมาะสำหรับใช้ในการจูงใจสร้างทัศนคติและเสนอปัญหา 6. เหมาะสำหรับใช้ในการขยายภาพ / บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นขั้นตอนแต่ใช้เวลามากในการพัฒนา ข้อจำกัด 1. ต้นทุน อุปกรณ์และการผลิตสูงและต้องใช้ผู้ชำนาญในการผลิต / จัดรายการ 2. ต้องใช้ไฟฟ้า (แม้ว่าจะสามารถใช้แบตเตอรี่ได้ ก็อาจจะต้องชาร์ตไฟ) 3. เครื่องรับมีราคาสูง และยากแก่การบำรุงรักษาสื่อประเภทต่างๆสื่อประเภทฉายสื่อประเภทฉาย เป็นสื่อที่ช่วยกระตุ้นผู้เรียนให้ลงมือปฏิบัติโดยตรง เก็บประสบการณ์ และสามารถใช้วัสดุ อุปกรณ์ ในการทำงานตามคำสั่งของผู้สอนที่กำหนด หรือใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่ผู้เรียนอยากแสดงออกมาก็ได้ ผู้เรียนเรียนรู้ได้ง่ายเพราะเป็นของจริงที่สามารถจับและสัมผัสได้ สื่ออีกอย่างหนึ่งคือสื่อวัสดุที่ต้องอาศัยอุปกรณ์เป็นส่วนสำคัญในการแสดงเนื้อหาให้ปรากฏชัดเจนเข้าใจโดยรวมข้อดีของสื่อประเภทฉาย1.แสดงภาพตามความเป็นจริง ทำให้จำได้ง่าย2.สัมผัสได้ด้วยประสารทสัมผัสทั้ง 5 จึงเกิดการรับรู้ได้ดี3. อยู่ในลักษณะ 3 มิติ4. สามารถจับต้องและพิจารณารายละเอียดได้5. เหมาะสำหรับการแสดงสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (เช่น การแสดงอวัยวะ ภายในของมนุษย์ สัตว์)ข้อเสียของสื่อประเภทฉาย1.การจัดหาลำบาก2.บางครั้งราคาสูงเกินไป3.ต้องอาศัยความชำนาญในการผลิต4.ไม่เหมือนของจริงทุกประการ บางครั้งเกิดความเข้าใจผิดหลักการใช้สื่อประเภทฉายใช้ได้กับจำนวนผู้เรียนน้อยๆ จนถึงจำนวนมาก โดยบรรจุสาระเนื้อหาตามหลักสูตรที่กำหนด ผู้เรียนสามารถยืมไปเรียนเองที่บ้านได้โดยไม่จำกัดเวลา สถานที่ จำนวนครั้งที่เรียน สื่อที่ใช้กันในปัจจุบันแต่มองข้ามความสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือโทรทัศน์ นิยมชมกันมาก แต่ไม่ค่อยนิยมนำมาเป็นสื่อการเรียนการสอนสื่อสิ่งพิมพ์สื่อสิ่งพิมพ์ หมายถึง หนังสือและเอกสารสิ่งพิมพ์ต่างๆ ซึ่งได้แสดงหรือจำแนกหรือเรียบเรียงสาระความรู้ต่างๆ โดยใช้หนังสือที่เป็นตัวเขียน หรือตัวพิมพ์เป็นสื่อเพื่อแสดงความหมายสื่อสิ่งพิมพ์มีหลายประเภท เช่น เอกสาร หนังสือ ตำรา หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร จุลสาร จดหมาย จดหมายเหตุ บันทึก รายงาน วิทยานิพนธ์ข้อดีของสื่อสิ่งพิมพ์1.กระบวนการในการผลิตวัสดุสิ่งพิมพ์สามารถทำได้หลายแบบ เปิดโอกาสให้เลือกวิธีผลิตที่เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ2.สามารถจัดพิมพ์ได้หลายรูปแบบ ตามวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ เช่น ใบปลิว จดหมายเวียน และเอกสารเผยแพร่3. สามารถใช้วัสดุสิ่งพิมพ์ได้หลายๆ ทาง อาจใช้เป็นสื่อให้การศึกษาด้วยตัวของมันเองหรือใช้สนับสนุนสื่ออื่นๆ ก็ได้4.สิ่งพิมพ์สามารถผลิตเพื่อใช้ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านได้5.การผลิตสิ่งพิมพ์สามารถปรับให้เหมาะสมกับกระบวนการใช้และผลลัพธ์ที่ต้องการตามสภาพของเครื่องอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ข้อเสียของสื่อสิ่งพิมพ์1.วัสดุสิ่งพิมพ์มีความบอบบางและฉีกขาดง่าย2.เก็บรักษายากเนื่องจากมีลักษณะ รูปทรง และขนาดแตกต่างกันมาก3.การเก็บรักษาในระยะยาวสำหรับสิ่งพิมพ์จำนวนมากๆ ยากที่จะป้องกันให้พ้นจากความเปียกชื้น ความร้อน และฝุ่นละออง4.การพิมพ์ในระบบที่มีคุณภาพต้องใช้การลงทุนสูงมาก โดยเฉพาะการพิมพ์ในระบบสี่สี
หลักการใช้สื่อสิ่งพิมพ์ตำรา หนังสือเอกสารประกอบการเรียนการสอนแต่ละวิชา ส่วนใหญ่จะบรรจุคำบรรยายการสอน จุดประสงค์การเรียนรู้หรือจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม คำขี้แจง คำแนะนำ เนื้อหา พร้อมด้วยแบบฝึกหัด ข้อทดสอบต่างๆ ไว้ ลักษณะเป็นรูปเล่มขนาดก็ต่างกันออกไปแล้วแต่การออกแบบ นอกจากนี้ยังมีวารสาร นิตยสาร ที่สามารถนำเอาบทความ เรียงความ สารคดีดีๆ ที่มีเกร็ดความรู้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่สอนมาประกอบการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนได้เช่นกัน หรือจะเป็นภาพประกอบตัดลงมาแปะลงบนกระดาษแข็งใช้ ยกตัวอย่างประกอบได้ดี เช่น ภาพดอกไม้ สัตว์ วิวทิวทัศน์ คน และวัสดุหรือวัตถุต่างๆ เป็นแผนภูมิ แผนภาพ กราฟ ที่แสดงสถิติข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง แผนผังการเดินทาง แผนที่ เป็นต้น ภาพที่นำมาใช้ส่วนใหญ่จะไม่มีตำราเรียนสื่อประเภทคอมพิวเตอร์ออฟไลน์สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ออฟไลน์ คือ สื่อคอมพิวเตอร์แบบไม่ใช้สายหรือไม่มีการติดต่อกันทางสาย ซึ่งหมายถึง การนำแผ่นดิสก์หรือแผ่นซีดีรอมที่บันทึกข้อมูล มาเล่นบนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง เพียงเครื่องเดียว (เรียกกันว่าแบบแสตนด์อะโลน (stand alone) แผ่นซีดีรอมใช้อยู่ที่คอมพิวเตอร์เครื่องใด ภาพและเสียงก็จะแสดงผลอยู่ที่เฉพาะเครื่องนั้นสามารถใช้ได้ทุกที่ ๆ มีคอมพิวเตอร์ ไม่จำเป็นต้องต่อกับระบบ networkเพราะภายในตัวสื่อนี้มีความพร้อมอยู่แล้ว เกิดการจูงใจทำให้มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ง่าย ใช้เวลาในการเรียนรู้ไม่มากนักเนื่องจากการใช้งานของโปรแกรมไม่ซับซ้อนข้อดีของสื่อออฟไลน์ข้อเสียของสื่อออฟไลน์1.เป็นสื่อที่มีข้อมูลค่อนข้างเก่าง่าย และ ยากต่อการปรับปรุง2.ไม่สามารถแก้ไข้ข้อมูลได้ตลอดเวลาการเรียนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับบทเรียน การให้ผู้เรียนอ่านเนื้อหาไปทีละหน้าจอๆ นั้นไม่ใช่การสร้างปฏิสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพนักสำหรับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ผู้สร้างควรที่จะสร้างสรรค์กิจกรรมมากมายหลายรูปแบบเพื่อให้ผู้ใช้เกิดแรงจูงใจในการเรียนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น แทนที่จะนำเนื้อหาเกี่ยวกับองค์ประกอบต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ไปทีละหน้าจอๆ ผู้สร้างสามารถที่จะออกแบบให้ผู้เรียนคลิกที่ภาพนั้นก็จะนำไปสู่ภาพขององค์ประกอบคอมพิวเตอร์อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นผู้สร้างอาจที่จะใช้เสียงบรรยายเนื้อหาได้ด้วย การนำเสนอเนื้อหาในลักษณะนี้ นอกจากจะบังคับให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนแล้วยังทำให้ผู้ใช้บทเรียนมองเห็นภาพความสัมพันธ์ขององค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างแรงจูงใจในการเรียนเนื่องจากการที่ผู้ใช้เกิดความอยากรู้อยากเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากการคลิกลงบนภาพสื่อประเภทคอมพิวเตอร์ออนไลน์สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ออนไลน์ คือการใช้สายนำสัญญาณและใช้ซอฟแวร์จัดการให้ข้อมูลในเครื่องหนึ่งไปแสดงผลบนเครื่องอื่นได้ สื่อมัลติมีเดียก็ได้พัฒนาขึ้นตามลำดับ และถูกนำไปใช้ในประโยชน์ใน ระบบเครือข่ายเล็กๆ (LAN) นั่นคือเริ่มใช้เป็นสื่อแบบออนไลน์ (online) อาศัยสายสัญญาณที่เชื่อมโยงติดต่อกันนั้นนำข้อมูลมัลติมีเดียจาก เครื่องแม่ข่าย (server)กระจายไปแสดงผลที่ทุก เครื่องที่เป็น ลูกข่าย (clients) ใน เครือข่าย (network)
1. สามารถถ่ายทอดและเผยแพร่สื่อโดยไร้พรมแดน2. สามารถปรับปรุงข้อมูลได้ตลอด3. มีการปฏิสัมพันธ์ในการเรียนรู้4. ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง5. สามารถเลือกเรียนได้ตามศักยภาพของตนเอง6.สร้างความรับผิดชอบ ความมั่นใจในตนเองข้อดีของสื่อออนไลน์ข้อเสียของสื่อออนไลน์1. ผู้เรียนต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์2. ต้องมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์พื้นฐาน3.บางครั้งอาจมีปัญหาทางด้านเทคนิคเวลาใช้งาน4.ค่าใช้จ่ายในการใช้งานอินเตอร์เน็ต5.ต้นทุนในการพัฒนาแบบเรียนสูง6.ผู้มีความรู้ในการผลิตและออกแบบสื่อให้มีคุณภาพหาได้ยากหลักการใช้สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ออนไลน์การจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บเป็นการนำความสามารถในรูปแบบต่างๆ ของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมาใช้ในการเรียนการสอนเนื่องจากว่าการเรียนในลักษณะ นี้ผู้เรียนสามารถศึกษาด้วยตนเองได้ตามความต้องการในการเรียนการสอนสื่อประเภทเสียงสื่อประเภทเสียง คือสื่อที่มีเฉพาะเสียง บรรจุเสียงพูด ดนตรีประกอบ และเสียงเอฟเฟ็กต์ต่างๆ รวมอยู่ในตลับที่เรียกว่าเทปคาสเซ็ท โดยต้องอาศัยเครื่องเล่นเทปมาเปิดฟัง สามารถนำมาใช้กับบัตรคำ แผนภูมิ ชาร์ต ภาพชุด มีการอธิบายขั้นตอนการสาธิต การทำงาน การบรรยาย การปราศรัย เพื่อให้ผู้เรียนได้ฟังเพิ่มพูนความรู้ ในปัจจุบันมีรายการวิทยุกระจายเสียงที่กระจายอยู่ตามท้องถิ่นต่าง ๆ
1.สามารถใช้กับกลุ่มเป้าหมายเป็นมวลชนจำนวนมากได้2.ระยะกระจายเสียงกว้างและถ่ายทอดไปได้ในระยะไกล3.ดึงดูดความสนใจของผู้ฟังและช่วยกระจายข้อมูลได้ในเวลาอันรวดเร็วมาก4.สามารถใช้ได้โดยไม่จำกัดขนาดของกลุ่ม5.เหมาะสำหรับการเรียนรู้กับทุกกลุ่มข้อดีของสื่อประเภทเสียงข้อเสียของสื่อประเภทเสียง1.การบันทึกเสียงคุณภาพสูงต้องใช้ห้องและอุปกรณ์เฉพาะ2.บันทึกได้ง่ายและรวดเร็วหลักการใช้สื่อประเภทเสียงโดยส่วนมากเสียงที่ใช้จะเป็นการสื่อสารระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ให้รู้ถึงความหมายที่จะสื่อถึงกัน แต่มนุษย์ได้พัฒนาสื่อเสียงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดนการใช้อุปกรณ์ทางเล็กทรอนิคต่างๆมาช่วยสื่อกิจกรรมสื่อกิจกรรม และกระบวนการ หมายถึง กิจกรรมหรือกระบวนการที่ครูหรือผู้เรียนกำหนดขึ้นเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ ใช้ในการฝึกทักษะซึ่งต้องใช้กระบวนการคิด การปฏิบัติ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้ของผู้เรียน เช่น การแสดงละครบทบาทสมมติ การสาธิต สถานการณ์จำลอง การจัดนิทรรศการ การไปทัศนศึกษานอกสถานที่ การทำโครงงาน เกม เพลง การปฏิบัติตามใบงานข้อดีของสื่อประเภทกิจกรรม1.มีคุณค่าต่อสาธารณชนสูง2.สามารถปรับให้เข้ากับสถานการณ์ทางการสอนได้มากเช่นในบ้าน ในท้องที่สาธารณะต่าง ๆ3.สามารถใช้สอนทักษะได้ดี4.กระตุ้นและเร่งเร้าให้มีการกระทำ เนื่องจากการได้เห็น การได้ยิน การอภิปรายและการกระทำ5.เปิดโอกาสให้มีการพัฒนาผู้นำขึ้น6.เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้ถึงปัญหาต่าง ๆ หรือเรียนรู้ว่าประชาชนในกลุ่มผู้ดูมีความคิดและความรู้สึกข้อเสียของสื่อประเภทกิจกรรม1.จำเป็นต้องเตรียมการเบื้องต้นและฝึกปฏิบัติอย่างระมัดระวัง2.จำเป็นต้องอาศัยทักษะความชำนาญในเรื่องที่สาธิตและวิธีการ3.ถ้าหากมีผู้ชมจำนวนมากอาจมีอุปสรรค ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนหลักการใช้สื่อประเภทกิจกรรม
กิจกรรมใช้ประกอบควบคู่ไปกับสื่อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ อาศัยจิตวิทยาการเรียนรู้ ศิลปะการถ่ายทอด และเทคโนโลยีมาผสมผสานให้เข้ากันเป็นอย่างดี ลักษณะของกิจกรรมต้องอาศัยกระบวนการต่างๆ อย่างละเอียด อาศัยการแสดงออกของผู้เรียน เช่น เกม การทดลอง งานกลุ่มที่ต้องทำร่วมกันเป็นหมู่คณะ การสาธิต การจำลองสถานการณ์ เหตุการณ์ เป็นต้น (วรวิทย์ นิเทศศิลป์.สื่อและนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้.ปทุมธานี:สกายบุ๊กส์,2551)สื่อวัสดุสื่อการสอนประเภทวัสดุเป็นสื่อที่มีประโยชน์และคุณค่าต่อการเรียนการสอน ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีความหมายของสื่อการสอนประเภทวัสดุคำว่า “วัสดุ” ตรงกับคำว่าภาษาอังกฤษว่า materal
“สื่อการสสอนประเภทวัสดุ” หรือ “สื่อวัสดุ” ซึ่งเป็นสื่อขนาดเล็กมีศักยภาพในการบรรลุเก็บเนื้อหาและถ่ายทอดความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็น สื่อขนาดเล็กมีศักยภาพในการบรรลุเก็บเนื้อหาและถ่ายทอดความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพข้อดีของสื่อวัสดุ1.แสดงเนื้อหานามธรรมที่ยากต่อการเข้าใจให้เข้าใจง่ายขึ้น2.สามารถผลิตได้ง่าย ต้นทุนการผลิตต่ำ3.สะดวกรวดเร็วในการใช้งานข้อจำกัด1.ใช้ได้กับกลุ่มเป้าหมายขนาดเล็กเท่านั้น2.การออกแบบและการผลิตไม่ดี อาจทำให้ผู้เรียนเข้าใจยาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น